แบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนๆ เพื่อความสะดวกการเขียน ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากที่พวกเราได้ติดรถมาจนถึงก็ได้เข่้าที่พักเพื่อกางเต้นท์ซึ่งที่ผมจองผ่านทางอินเตอร์เน็ต คือ ที่กางเต้นท์ลำตะคอง โซน A ผมจองไปนั้นผมก็ไม่รู้อะไรมากหรอกครับ ได้ A2-01 กับ A2-08 ไปกัน 4 คน แต่ที่กางเต็นท์ห่างกัน เราก็เลยขอเปลี่ยน เจ้าหน้าที่บอกว่าให้รอคนที่เค้ามาจองแล้วขอแลกกัน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เจ้าหน้าที่ใจดีครับ โซน A เป็นโซนที่เหมาะสมกับคนที่รักสบาย และโบกรถไปแบบพวกเรามาก ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีมากๆ อยู่ใกล้แหล่งสะเบียง(ร้านสวัสดิการ) แหล่งน้ำ (ใกล้ที่ล้างจาน และเดินไปห้องน้ำไม่ไกล) ใกล้ชิดธรรมชาติ(มีกวาง และลิงมาใกล้แถวเต้นท์บ่อยๆ ใกล้ชิดมาก
อย่างที่เห็นในรูปนี่แหละ ใกล้ชิดซะ
กางเต้นท์เสร็จแล้ว เออะแล้วจะทำอะไรต่อล่ะที่นี้ อ่าว คิดแต่ว่า ต้องมาถึงให้ได้ แต่ไม่ได้คิดละเอียดว่าจะไปไหน ก็เลยช่วยกันดูแผนที่จะไปไหนกันดี ก็เลยเห็นในแผนที่ น้ำตกผากล้วยไม้่ นั่นไง ซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์อีกแห่งนึง ไปอย่างไร คงไม่ต้องถามมีวิธีเดียว คือโบกรถ เราก็โบกกันที่ด้านหน้า โชคดีเป็นของเราที่เราจองที่นี่ เพราะว่ามันเป็นทางผ่านที่จะไปยังผากล้วยไม้ ก็เลยหารถง่ายมาก โบกมา พอดีพี่เค้าจะไปน้ำตกเหวสุวัต ซึ่งผมเข้าใจว่ามันเป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้ๆ กันตามความคิดที่เคยมาตอนเด็ก เลยลงที่น้ำตกผากล้วยไม้่ ลงมาเจอแต่เต็นท์ แล้วทางไปน้ำตกอยู่ไหนนี่ มาแบบนี้ ไม่รู้ก็ถาม ถามแล้วก็ถาม จนกระทั่งหาทางลงไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาิติของน้ำตก แล้วพวกเราก็เดินไปตามทาง เดินไปเล่นๆ ก็เลยตัดสินใจกันว่า จะเดินไปให้ถึงน้ำตกเหวสุวัตเลยครับพี่น้อง เรา เดินไปคุยไป อย่างสนุกสนาน แรกๆ ก็มีคนเยอะอยู่พอสมควร จนเราแวะพักเพื่อ โหนเถาวัลย์เล่นกัน นั่งมองน้ำไหล สบาย
ๆ แต่ทำไมมันเรียกว่า ผากล้วยไม้ ไม่เข้าใจ กล้วยไม้อยู่ไหนไม่ทราบ ไม่เห็นเลย แวะจนพอใจแล้วเราก็เดินต่อไปข้างหน้า เดินต่อไป จนกระทั่งพบคนเดินสวนมา เราก็ถามว่าเค้ามาจากไหนเค้าก็บอกกับเราว่ามาจากน้ำตกเหวสุวัต อะแสดงว่าใกล้แล้วอะซิ แล้วเราก็เดิน ๆ ๆ ๆ จากที่พูดคุยกัน เสียงซักจะเงียบล่ะซิ ทางก็ชันมากกว่าเดิม จนกระทั่ง เดินมาเจอป้ายว่า " ระวังจรเข้" บรรยากาศบริเวณนั้นป่าค่อนข้างหนาทึบ ลำธารเป็นสีดำทมิฬ เอาแล้ว เราก็ไม่ได้คิดมากกัน สงสัยไม่่อยากให้คนเล่นน้ำบริเวณนั้นแน่ ๆ เลยเอาป้ายมาบอก เดินไปอีกซักนิด ก็เจอ ป้ายอีกแล้ว เอาแล้วซักจะยังไงๆ อยู่นะ และเราก็เจอกลุ่มคน ด้วยความดีใจ จึงถามว่า น้ำตกเหวสุวัตอีกไกลไหม ปรากฏว่า พี่ก็ไม่รู้อะน้อง มาืทางเดียวกันนี่แหละ อะ อย่างน้อยก็มีคนเดินมาแบบเรา เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง ได้ยินเสียงสวรรค์ เสียงรถยนต์ ดังมาจากด้านบน คงใกล้ถึงแล้วแน่นอน แต่ทำไมเสียงมันเงียบแล้วล่ะ จนชินว่ามันหลอกตู เมื่อไหร่จะถึงนี่ พระเจ้า เลยไปเรื่อยๆ จนเริ่มได้ยินเสียงคนดังขึ้นมา อย่ามาหล
อกซะให้อยากว่าใกล้ถึงแล้ว ไม่ดีใจหรอก เดินต่อไป และแล้วเราก็คือผู้พิชิต คนที่อยู่บริเวณแถวนั้น
เห็นพวกเราแล้วเดินมานั่งพัก มองพวกเราเหมือนตัวประหลาด ว่า... มาจากไหนกัน ทำเป็นเหนื่อย พักเสร็จ ถ่ายรูปนี้เพื่อเป็นเกียรติประวัติแห่งวงศ์ตระกูล ว่าเราคือผู้พิชิตเส้นทางผากล้วยไม้-เหวสุวัต (4.3 กิโล: 2กิโลจากทางที่เดินจนก่อนจะพัก และ 2.3 ตามป้ายบอก ระหว่างที่นั่งพัก เจอลุงนำทางนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเดินป่า แกบอกมา) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.
และอีกซักพัก กลุ่มที่เราเจอก็ออกมา
เราก็เดินไปชมความงามของน้ำตกเหวสุวัตที่ตามหา พระเจ้า มันช่างเป็นน้ำตกที่สวยงามอะไรเช่นนี้
แล้วก็เลยเก็บเอาน้ำใส่ขวดไว้ในความทรงจำ เสร็จแล้วก็โบกรถกลับไปที่พัก อย่างเหนื่อย ๆ แล้วเราก็ทำอาหารกินกัน โดยยืมหม้อเต็นท์ข้างๆ เตาก็เช่าเอา แถมยืมที่ล้างจานจากเค้าอีก ก็อย่างที่บอก คนไทยใจดี
อาหารสูตรเด็ด มาม่า ปลากระป๋อง ช่างเป็นอาหารที่อร่อยเหอะ จริงๆ
อากาศค่อนข้างหนาว ประมาณ 14 - 18 องศา หนาวๆๆๆๆๆ
คืนนี้ลมค่อนข้างแรงด้วย เมฆมากเลยทำให้ไม่เห็นดาวมาก
ป.ล. ได้ถามเจ้าหน้าที่เรื่องจรเข้ แล้วเค้าบอกว่า มันมีัจริงๆ นะ ตัวประมาณเมตรกว่า ๆ แต่ว่ามันจะกินปลาที่ลำธาร โชคดีอีกแล้วที่เราไม่ใช่ปลา มันเลยไม่กินเรา มิฉะนั้น ได้ขึ้นหน้าหนึ่งแน่ "ดับอนาถเข้คาบคาเขาใหญ่"